วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ
วันที่ 21 กันยายน พ.ศ.2557
ครั้งที่ 9 เวลาเรียน 08.30 - 12.20 น.


เทคนิคการสอน
- อาจารย์ชี้แนะการทำสื่อวิทยาศาสตร์ที่นักศึกษาทำมาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- อธิบายให้นักศึกษาเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนแผนการสอนในหน่วยต่างๆ
- อาจารย์ใช้คำถามกับนักศึกษาเมื่อเราไม่เข้าใจ

กิจกรรมวันนี้
  อาจารย์ให้นักศึกษาที่ยังไม่ได้นำเสนอสื่อเมื่ออาทิตย์ที่แล้วออกมานำเสนอ และสื่อที่เราประทับใจและเห็นว่าเหมาะกับเด็กปฐมวัยเพราะเด็กสามารถทำได้เองด้วยคือการได้ลงมือกระทำ และใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5
 
*ถุงโปร่งพอง
    การนำอากาศเข้าไปกระจายตัวในถุง จากที่ถุงแฟบก็จะพ่องโตขึ้นเป็นรูปร่างและสามารถเก็บอากาศไว้ได้พอสมควร ต่างกันถ้าเป็นลูกโป่งกูจะมีลมออกไว้เพราะลูกโป่งมีแรงยืดหยุ่น
 * ว่าวกระดาษ
    แรงต้านทานของลมที่วิ่งผ่านเป็นเส้นตรงมากระทบกับวัตถุจึงทำให้ว่าวลอยอยู่บนอากาศ
เหมาะสำหรับเล่นช่วงหน้าหนาว
....และอื่นๆ


     


แผนการสอน(แก้ไขแล้ว) " เรื่อง น้ำ "


     โดยการจัดการสอนตามหน่วย
หน่วยที่ 1  ประเภทของน้ำ
หน่วยที่ 2  แหล่งที่อยู่ของน้ำ
หน่วยที่ 3  คุณสมบัติของน้ำ
หน่วยที่ 4  วัฏจักรของน้ำ
หน่วยที่ 5  ประโยชน์ของน้ำ


การนำมาประยุกต์ใช้
     การเขียนแผนการสอนต้องให้ตรงกับมายแม็พที่เราทำขึ้นไว้ก็เปรียบกับเป้นแผนที่เด็กๆช่วยกันสร้างขึ้นมาว่าเราจะเรียนอะไรเราถึงจะนำมาเขียนแผนการสอนที่เข้ากับจุดประสงค์ของผู้เรียนด้วย
ประเมินตนเอง
     การเขียนแผนของเรายังไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องสอนเด็กเราต้องคิดแผนการสอนขึ้นมาใหม่ให้ตรงกับหลักที่เราแยกเอาไว้และทำให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วย
ประเมินเพื่อน
   เพื่อนๆทุกคนเตรียมสื่อวิทยาศาสตร์มานำเสนอคบทุกคนช่วยให้มีความรู้หลายๆด้านและสามารถปรับปรุงได้ดีกว่าครั้งก่อนเพราะมีแนวทางจากอาทิตย์ที่แล้ว
ประเมินอาจารย์
     -  อาจารย์จะชี้แนะทุกชิ้นที่ออกมานำเสนอให้มีดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้คำถามเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจได้ง่ายและลึกซึ้งกว่าเดิม
     - สอนเขียนแผนการสอนวิธีการหลักการต่างๆให้นักศึกษาฟังการดำเนินงานการจัดการเริ่มตั้งแต่การเขียนมายแม๊พ. และบอกว่าเราควรสอนอะไรกับเด็กถึงจะเหมาะสม

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ.2557
ครั้งที่ 8 เวลาเรียน 08.30 - 12.20 น.

กิจกรรมวันนี้
สื่อวิทยาศาสตร์  "เรือใบไม่ล้ม"

อุปกรณ์(Equipment)
1.ขวดน้ำดื่ม 2 ขวด  (ฺBotle)                        2.ก้านลูกโป่ง
3.กรรไกร (Scissors)                                   4.ขวดนมบีทาเก้น(ขวดเล็ก)
5.กาว (Glue)                                               6.เชือก(Rope)
7.ฐานลูกโป่ง                                                 8.ทราย(Sand)
วิธีการทำ(How to)
1.ตัดหัวและก้นของขวดออก 1 ใบ และคลี่ออกเป็นแนวยาว จากนั้นก็นำก้านลูกโป่งมาติดกาวใส่ขวดพลาสติกที่ตัดไว้ตรงกลาง และตัดเป็นสามหเหลี่ยมให้มีลักษณะคล้ายกับใบเรือ
2.นำฐานลูกโปร่งมาติดกาวกับขวดที่ไม่ได้ตัดโดยนำขวดนอนลงและติดด้านบนส่วนท้ายจากนั้นก็นำใบเรือที่ทำไว้มาเสียบที่รูฐานลูกโป่ง
3.นำทรายใส่ขวดบีทาเก้นและใช้เทปกาวปิดฝาให้แน่น
4.นำขวดทรายที่เตรียมไว้ไปติดใต้ขวดที่ใช้เป็นเรือและใช้เชือกพันให้แน่นและตบแต่งให้สวยงาม
*การตบแต่งไม่ควรใช้กระดาษหรือตบแต่งภายนอกเพราะโดนน้ำก็ละลายออก
วิธีการเล่น(how to play)
    นำเรือไปลอยในถังที่มีน้ำ
สาเหตุที่เรือใบไม่ล้ม
  -   เราจะเห็นได้ว่าถ้ายังไม่มีที่ถ่วง(ขวดทราย)เราจะเห็นได้ว่าเรือใบจะเอนไปเอนมาตามแรงลมของอากาศและน้ำหนักของใบเรือว่าข้างไหนหนักกว่า
 -   แต่เมื่อเราใส่ตัวถ่วง(ขวดทราย)ก็จะเพิ่มน้ำหนักให้เรือหรือจุดศูนย์ถ่วงของเรือเพื่อให้บรรล้านกับฐานเมื่อเราลองนำไปเล่นก็จะเห็นได้ว่าเรือใบไม่ล้มตามชื่อเพราะน้ำหนักของเรือได้อยู่ที่ขวดทรายจึงทำให้เป็นจุดศูนย์กลางของเรือ  หลักนี้ก็จะมีลักษณะคล้ายกับแรงโน้มถ่วงของโลก  แรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำกับมวลใดๆ จะขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างศูนย์กลางมวลของ โลกกับศูนย์กลางมวลวัตถุยกกำลังสอง ดังนั้นแรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณต่างๆ จึงมีค่าไม่เท่ากัน และเนื่องจากโลกมีการหมุนรอบตัวเองมีผลทำให้เกิดแรงหนีศูนย์กลาง แรงหนีศูนย์กลางนี้จะหักล้างกับแรงโน้มถ่วงของโลก แรงหนีศูนย์กลางจะมีค่ามากที่สุดบริเวณเสันศูนย์กลางและมีค่าน้อยที่สุดบริเวณขั้วโลก ผลของแรงหนีศูนย์กลางนี้ทำให้แรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณเส้นศูนย์สูตรมีค่า น้อยกว่าแรงโน้มถ่วงของโลกบริเวณขั้วโลกเหนือ นอกจากนั้น โลกก็มิได้เป็นทรงกลมโดยสมบูรณ์ แต่แป้นตรงกลางเล็กน้อยคล้ายผลส้ม ทำให้ระยะห่างจากจุดศูนย์กลางของโลกถึงพื้นผิวโลกแปรผันไปตามละติจุด


ผลงานของเพื่อนๆ

         
                  

            




    เทคนิคการสอน
1.สอนให้พวกเราคิดอย่างมีเหตุผลและถ่ายทอดออกมาเชิงวิทยาสาสตร์
2.อาจารย์จะช่วยเสริมเกี่ยวกับสื่อที่เราเตรียมมาให้สมบูรณ์
3.ใช้คำถามเชิงวิเคาระห์กับนักศึกษา

การนำไปประยุกต์ใช้
     การบอกถึงประโยชน์ของสื่อก่อนที่เราจะเอาไปทำให้เด็กดูเราต้องรู้ว่าเพราะอะไร? สื่อถึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ เราต้องมีคำตอบเพื่อจะได้สอนเด็กได้ สื่อบางอย่างอาจดูไม่มีอะไรแต่ความหมายของสื่อนั้นอาจมีประโยชนืมากก็ได้เราต้องหาเหตุผลให้ได้
ประเมินตนเอง
      สื่อที่เราเตรียมมาอาจยังหาข้อมุลไม่เพียงพอเราต้องกลับไปศึกษาใหม่เกี่ยวกับสื่อของเราเองเพื่อให้มีประสิทะิภาพมากขึ้น
ประเมินเพื่อน
      เพื่อนๆที่ออกไปนำเสนอคนแรกๆอาจจะยังไม่เข้าใจถึงหลักวิชาการแต่คนหลังๆสามารถบอกแบบเป้นหลักการได้ดี
ประเมินอาจารย์
      อาจารย์จะช่วยชี้แนะเกี่ยวกับสื่อที่เราเตรียมมาให้พัฒนาดีกว่านี้ บอกถึงแนวการเขียนแผนการสอนที่แต่ล่ะกลุ่มได้รับมอบหมาย และการทำงานที่เราควรพึ่งปฏิบัติ

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกอนุทิน
วิชาการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์จินตนา  สุขสำราญ
วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2557
ครั้งที่ 7 เวลาเรียน 08.30 - 12.20 น.


เทคนิคการสอน
- อาจารย์ให้ประดิษฐ์สื่อที่เป็นตัวเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม
- อาจารย์ใช้คำถามอยู่เสมอ เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ของนักศึกษา

กิจกรรมที่ 1 ลูกยาง

 อุปกรณ์( Equipment)
1.กระดาษ(้Paper)
2.คลิปหนีบกระดาษ ( Paperclip)
3.กรรไกร (Scissors)

วิธีการทำ (How to)
1. ตัดกระดาษเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วพับครึ่ง
2. ใช้กรรไกรตัดกึ่งกลางตามลอยพับครึ่งแผ่นโดยสามารถเลือกด้านใดด้านหนึ่งก็ได้
3. พับส่วนปลายด้านที่ไม่ได้ตัด พับขึ้นไป 1 เซนติเมตร
4. นำคลิปหนีบกระดาษมาหนีบไว้ตรงที่พับขึ้นไป แล้วกลางกระดาษที่ตัดออกไปคนล่ะด้าน
    จากนั้นก็ลองเล่นดู

วิธีการเล่น ( How to play )
  ให้แต่ล่ะคนโยน ขว้าง หรือปา ก็ได้แต่ต้องลงมาจากที่สูง

   สาเหตุที่ลูกยางตกจากที่สูง จะสังเกตุเห็นว่ามันจะหมุนมาเรื่อยๆๆจนถึงพื้น เพราะมันเกิดแรงโน้มถ่วง และแรงต้านทาน ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับเครื่องบิน ร่มชูชีพ เป็นต้น แล้วจึงนำมาประดิษฐ์เป็นสื่อเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ของเด็ก ให้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กตามวัยที่เหมาะสม
     
กิจกรรมที่ 2


อุปกรณ์( Equipment)
1. แกนกระดาษทิชชู (Tissue cores)
2. กระดาษ(้Paper) 
3. ไหมพรม ( Yarn ) 
4. กาว (Glue) 
5. กรรไกร(Scissors)

วิธีการทำ (How to) 
1. ตัดแกนกระดาษทิชชูแบ่งครึ่งกับเพื่อน
2. เจาะรู 2 รู คู่ขนานกันที่แกนกระดาษทิชชู
3. ตัดกระดาษเป็นวงกลมให้ดูเหมาะสมกับแกนกระดาษทิชชู
4. วาดรูปภาพที่เราต้องการลงในกระดาษวงกลมให้สวยงาม
5. นำกระดาษที่ตบแต่งเรียบร้อยแล้วแป๊ะใส่แกนกระดาษทิชชูห้ามปิดรูที่เจาะไว้
6. นำไหมพรมมาร้อยใส่รูแล้วมัดให้เรียบร้อย จากนั้นก็ทดลองเล่น

วิธีการเล่น ( How to play ) 
      นำเชือกไหมพรมมาคองคอเลือกด้านใดด้านนึ่งและใช้มือสองข้างจับด้านที่เหลือไว้ และดึงไปดึงมาให้แกนกระดาษทิชชูเคลื่อนที่ไปมาตามความต้องการของเรา


บทความวันนี้ (Article today )

1. สะกิดลูกให้คิดแบบวิทยาศาสตร์ 
      ธรรมชาติของเด็ก จะมีความสนใจ อยากรู้อยากเห็นไม่หยุดนิ่ง เมื่อใดที่เผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้แต่มีความต้องการที่จะรู้ เขาจะพยายามค้นหาคำตอบเพื่ออธิบายสิ่งนั้นคืออะไร ซึ่งจะสังเกตุได้จากที่เด็กจะใช้คำถามแปลกๆที่ตัวเองอยากรู้มาถาม จนเราตอบไม่ทัน หรือตอบได้ทุกคำถาม การคิดแบบวิทยาศาสตร์จะช่วยให้เด็กค้นหาคำตอบในสิ่งที่เด็กสงสัยได้อย่างมีเหตุผลและน่าเชื่อถือ
 Miss Jiraporn Noulchom
2. สอนเด็กอนุบาลด้วยนิทาน สนุกสนานเรียนรู้ได้ทุกวิชา”ตามเด็กปฐมวัย..เรียนรู้วิทย์จากไก่และเป็ด 
       จุดเด่นของกิจกรรมนี้คือใช้กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ตามแนวทางของ สสวท.ผู้ปกครองหรือชุมชนท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมผลที่เกิดกับเด็กคือเด็กปฐมวัยได้เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสหลายๆด้าน ได้รับประสบการณ์ตรงส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านเด็กได้เรียนรู้อย่างมีความสุขชื่นชมผลงานของผู้อื่นมีความรักและเมตตาต่อไก่และเป็ดได้เรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนรอคอยแบ่งปันมีน้าใจต่อกัน Miss anna chawsuan
3. เทคนิคการสอนวิทยาศาสตร์ 
     คือการฝึกให้เด็กหัดสังเกตุในสิ่งเขากำลังสนใจอยู่ สร้างความชัดเจนว่าวิทยาศาสตร์เป็นของเด็กทุกคน และควรบอกวิธีการสอนวิทยาศาสตร์ให้แก่เด็กสำหรับผู้ปกครองและปลูกฝังให้เด็กเห็นว่าวิทยาศาสตร์มีความสนุกสนานและน่าสนใจ เพราะจะทำให้เด็กรู้จักการสังเกตุและการมีเหตุผลด้วย
 Miss Chanida Bunnako
4. หลักสูตรวิทยาศาสตร์ปฐมวัย จำเป็นหรือไม่ ? 
       เราได้ทดลองแล้ว พบว่ากรอบมาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ปฐมวัยนั้นตอบโจทย์ครูได้ว่า ในการสอนบูรณาการวิทยาศาสตร์ ครูจะสอนอะไร จะสอนแค่ไหน จะสอนอย่างไร และจะใช้สื่อรอบ ๆ ตัวเด็กนั้นมาเป็นสื่อในการเรียนรู้อย่างไร เพราะฉะนั้นคุณครูมีแนวทางสามารถที่จะจัดการเรียนรู้บูรณาการวิทยาศาสตร์ ปฐมวัยได้แน่นอน ทุกประเทศในโลกจะสอนปฐมวัยในเชิงบูรณาการ ก็คือจะบูรณาการทุกวิชาไว้ด้วยกัน  เพราะถือว่าเด็กจะต้องพัฒนาเป็นองค์รวม  แต่การที่ครูจะจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการพัฒนาเด็กเป็นองค์รวมนั้น จะต้องมีมาตรฐานเป็นที่ตั้งในของแต่ละสาระ เช่น คณิตศาสตร์ควรจะเรียนแค่ไหน วิทยาศาสตร์ควรจะเรียนแค่ไหน ครูก็จะยึดเอากรอบมาตรฐานมาจัดทำเป็นหลักสูตรบูรณาการปฐมวัยของตัวเอง ทุกประเทศจะเป็นแบบนี้ รวมทั้งประเทศเราด้วย Miss suangkamol sutawee 
5.  ส่งเสริมกระบวนการคิดสำหรับเด็ก
      พ่อแม่ต้องจำเป็นกระตุ้นพัฒนาการของลูกเพื่อช่วยให้ลูกได้เกิดการเรียนรู้ อย่างเต็มศักยภาพของตน ทั้งนี้เนื่องจากสมองของเด็กแรกเกิดที่เป็นเด็กปกติทุกคนเกิดมาพร้อมด้วย ความสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว ถ้าขาดการกระตุ้นที่เหมาะสมเซลล์สมองที่พร้อมจะเรียนรู้ก็อาจสูญเสียไป ทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้อย่างเต็มประสิทธิภาพ Miss Natchalita suwanmanee

ประโยชน์ที่ได้รับ
 - การประดิษฐ์สื่อวิทยาศาสตร์แบบง่ายๆและหาได้ทั่วไป แต่มีประโยชน์และคุณค่าในการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ 
 - กระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยมีหลากหลายรูปแบบในการเรียนรู้อยู่ที่คนรอบข้างพ่อแม่ที่จะช่วยใหห้เด็กเรียนรู้ได้อย่างถูกวิธีและมีเหตุผล
การนำมาประยุกต์ใช้
 - การคิดประดิษฐ์สื่อวิทยาศาสตร์จากสิ่งของที่อยู่รอบๆตัว ไม่จำเป็นต้องซื่อแต่สามารถนำเศษวัสดุเหลือใช้มาประยุกต์ประดิษฐ์ให้เป็นของเล่นชิ้นใหม่ได้
ประเมินตนเอง
 - วันนี้ไปสายเลยไม่ได้เข้าเรียน อาจดูไม่มีความรับผิดชอบแต่เราก็พยายามศึกษาข้อมูลจากบล็อกของเพื่อนและทำงานครบตามที่อาจารย์ได้รับมอบหมาย
ประเมินอาจารย์
 - อาจารย์สอนประดิษฐ์สื่อที่มีเนื้อหาและประโยชน์เชื่อมโยงกับบทเรียน และใช้คำถามเสมอเพื่อให้เราเกิดการเรียนรู้ใหม่ๆและสนใจกับการเรียนรู้